ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ตั้งอยู่ด้านฝั่งตะวันออกของทวีปเอเชีย หรือทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก หมู่เกาะญี่ปุ่นทอดตัวเป็นรูปโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว จากทางตอนเหนือที่ละติจูด 45 องศา 33 ลิปดาเหนือ มาทางใต้ ที่ละติจูด 20 องศา 25 ลิปดาเหนือ โดยมีความยาวทั้งสิ้น 3,800 กม.
ลักษณะภูมิประเทศ
เป็นประเทศหมู่เกาะ ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยประมาณ 3,900 เกาะ โดยมีเกาะใหญ่ที่สำคัญ 4 เกาะ คือ
1) ฮอกไกโด (83,517 ตารางกม.)
2) ฮอนชู (231,012 ตารางกม.)
3) ชิโกกุ (18,800 ตารางกม.)
4) กิวชู (44,379 ตารางกม.)
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขา โดยร้อยละ 71 ของพื้นที่ทั้งหมดของญี่ปุ่นเป็นภูเขา ในขณะที่มีพื้นที่ราบเพียงร้อยละ 25 ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ทางการเกษตรได้เพียงร้อยละ11 เท่านั้น ญี่ปุ่นมีภูเขาไฟมากประมาณ 1 ใน 10 ของทั้งโลก โดยมีภูเขาฟูจิเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ (3,776 เมตร) และเป็นภูเขาไฟที่สงบอยู่แต่ยังไม่ดับ และจากการที่ญี่ปุ่นอยู่ในเขตที่มีภูเขาไฟมาก ทำให้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเสมอ
พื้นที่
ประมาณ 377,835 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยผืนดิน 374,744 ตารางกิโลเมตร และผืนน้ำ 3,091 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ชายฝั่งทะเล 29,751 กิโลเมตร
ประชากร ประมาณ 127,760,000 คน (พฤษภาคม 2547) อัตราการขยายตัวของประชากร คือ ร้อยละ 0.08 (2547) ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ความหนาแน่นของประชากรประมาณ 336 คน/ตร.กม.
เชื้อชาติ
เชื้อชาติญี่ปุ่น ในทางประวัติศาสตร์เชื่อกันโดยทั่วไปว่าบรรพบุรุษของชาวญี่ปุ่นได้แก่กลุ่มเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เรียกในปัจจุบันว่า เผ่าพันธุ์ยามาโตะ ผสมกับคนที่อพยพมาจากแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ จีนและเกาหลี ปัจจุบันคนต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในญี่ปุ่น ได้แก่ ชาวเกาหลีและชาวจีน รวมทั้งเผ่าไอนุ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นไม่ถือว่าประเทศของตนมีชนกลุ่มน้อย
ศาสนา
ศาสนาใหญ่ ๆ มี 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ และศาสนาชินโต นอกจากนั้นได้แก่ ศาสนาคริสต์และลัทธิขงจื้อ
ภาษา
ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาราชการ
การศึกษา
ภาคบังคับ 9 ปี(ประถมศึกษา 6 ปี มัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี)
อัตราการรู้หนังสือ ร้อยละ 99.9
วันชาติ
วันที่ 23 ธันวาคม: วันพระราชสมภพของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ (พ.ศ. 2476 หรือ ค.ศ. 1933)
เมืองหลวง
กรุงโตเกียว (Tokyo)
ภูมิอากาศ
มี 4 ฤดูหลัก ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน คือ
ฤดูใบไม้ผลิ : (มีนาคม-พฤษภาคม) อากาศอบอุ่น
ฤดูร้อน : (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนชื้นโดยมีช่วงฤดูฝนสั้น ๆ ประมาณ 1 เดือน ในช่วงต้นฤดู
ฤดูใบไม้ร่วง : (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศอบอุ่น โดยมีพายุไต้ฝุ่นมากในช่วงเดือนกันยายน
ฤดูหนาว : (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศหนาว มีหิมะตกมากทางภาคเหนือของประเทศและฝั่งทะเลญี่ปุ่น ส่วนทางใต้และฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศจะอบอุ่นกว่า
รถโดยสาร
มีรถบัสลีมูซีนวิ่งบริการระหว่างนาริตะและอาคารท่าอากาศยานโตเกียวซิตี้ (Tokyo City Air Terminal / TCAT) ซี่งอยู่ในย่านธุรกิจของโตเกียว,ไปสถานีโตเกียวและชินจูกุรวมทั้งโรงแรมใหญ่ๆ ในกรุงโตเกียวซื้อตั๋ว (เกือบ ๆ 3,000 เยน) ได้ที่สนามบิน หลังจากผ่านที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้วมีรถบัสลีมูซีนวิ่งหลายสาย โดยจอดรอผู้โดยสารตรงริมฟุตบาทภายนอกอาคารและไม่จำกัดจำนวนสัมภาระ ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม รถบัสลีมูซีนจะออกจากท่าทุก 20 นาทีหรือราวๆ นั้น วิ่งประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ถึงโรงแรม นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารเดินทางไปยังโยโกฮาม่าและสนามบินภายในประเทศฮาเนดะด้วย
รถไฟ
มีรถไฟ 2 สายให้คุณเลือกเดินทางไปโตเกียว ได้แก่ เคเซสกายไลเนอร์ (Keisei Skyliner) และ เจอาร์นาริตะเอ็กซ์เพรส (JR Narita Express) รถไฟทั้งสองสายวิ่งเร็วกว่าแท็กซี่หรือรถบัสโดยสารถึงสองเท่า แต่ในแง่ความสะดวกแล้วเทียบกับเมื่อคุณอยู่ที่สถานีรถไฟไม่ได้ เนื่องจากที่สถานีจะมีรถไฟสายต่างๆ ให้คุณสามารถเดินทางได้ทั่วเมือง แต่ถึงแม้จะมีบริการรถไฟใต้ดินวิ่งทั่วเมืองก็ตาม หากคุณมีกระเป๋าเกินหนึ่งใบและเป็นกระเป๋าใบใหญ่ หรือมีความอดทนอดกลั้นไปน้อยด้วยแล้ว ก็จงลืมการเดินทางไปในเมือง หรือโรงแรมด้วยบริการรถไฟหรือรถไฟใต้ดินได้เลย โดยเฉพาะเวลาที่อากาศร้อนเหนอะหนะในช่วงฤดูร้อน หากคุณต้องการต่อรถสะดวก ควรขึ้นที่นาริตะเอ็กเพรสจะดีกว่า เพราะจอดตามสถานีของการรถไฟญี่ปุ่น (JR Station) ที่ชิบะ (Chiba) โตเกียว, ชินจูกุ (Shinjuku),อิเคะบุกุโระ (Ikebukuro) โยโกฮาม่า และโอฟุนะ (Ofuna) ขณะที่รถสกายไลเนอร์จอดเฉพาะสถานีอุเอโนะ (Ueno) และใกล้เคียงกันคือ 1ชั่วโมง และไม่จำกัดการขนสัมภาระขึ้นรถ (แต่อย่าลืมว่าการหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตเดินตามสถานีรถไฟบนดิน และใต้ดินในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในโตเกียวนั้นต้องใช้พละกำลังอย่างมาก และสาหัสพอๆกับการปีนภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว ฉะนั้นถ้าคุณมีกระเป๋าเดินทางมากกว่า 1 ใบ และมิได้ขึ้นรถบัสลีมูซีนจากสนามบินตรงไปโรงแรมเลย ก็ควรใช้บริการขนส่งกระเป๋าที่สนามบิน ซึ่งจะส่งถึงมือคุณในวันรุ่งขึ้น) ค่าตั๋วที่นั่งชั้นหนึ่งของนาริตะเอ็กซ์เพรสราคาประมาณ 3,000 เยน และต้องซื้อล่วงหน้า ส่วนตั๋วของสกายไลเนอร์ ราคา 2,000 เยน โดยอาจซื้อล่วงหน้าหรือซื้อที่สถานีรถไฟแล้วรอขึ้นได้เลย รถไฟสกายไลเนอร์สะดวกสบายกว่านาริตะเอ็กซ์เพรสมาก (ยกเว้นที่นั่งชั้นหนึ่งซึ่งแสนสบาย) เนื่องจากที่นั่งชั้นธรรมดาของนาริตะเอ็กซ์เพรสแคบจนเกือบไม่มีที่เหยียดขา เป็นที่นั่ง 4 ที่หันหน้าชนกัน ถ้ามาเป็นครอบครัวแล้วชาวญี่ปุ่นจะนิยมขึ้นรถไฟนี้ แต่สำหรับนักเดินทางที่เพิ่งลงจากเครื่องบิน หรือเหนื่อยล้าจากการท่องเที่ยวจนวินาทีสุดท้ายก่อนออกจากญี่ปุ่นแล้ว คุณต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ (เมื่อที่นั่งเต็มการรถไฟญี่ปุ่นยังอนุญาตให้ผู้โดยสารยืนบนรถไฟได้ ทำให้รถแน่นยิ่งขึ้น) แต่สำหรับเคเซสกายไลเนอร์แล้วไม่เคยถูกจองเต็มหรือคนแน่น รวมทั้งที่นั่งก็สะดวกสบาย มีที่ให้เหยียดขาได้ถ้าพิจารณาราคาซึ่งต่างกันแล้ว สกายไลเนอร์ย่อมดีกว่ามากทั้งราคาและความสบาย ถ้าคุณไม่มีสัมภาระมากก็อาจลงที่สถานีอุเอโนะ (Ueno Station) เพื่อต่อรถไฟของ JR หรือรถไฟใต้ดินหรือคุณอาจนั่งรถแท็กซี่ก็ได้
แท็กซี่
การเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถแท็กซี่ย่อมสะดวกสบายที่สุด แต่น่าเสียดายที่การสัญจรวิธีนี้ราคาแพงกว่าวิธีอื่น ในโตเกียวราคาแท็กซี่จะตั้งต้นที่ 650 เยน และเพียงชั่วการเดินทางระยะสั้น ตัวเลขก็พุ่งพรวดเป็น 3,000 ถึง 5,000 เยน ขอย้ำอีกครั้งว่าคุณไม่ต้องจ่ายค่าทิป รถแท็กซี่มีอยู่เกือบทั่วทุกหนแห่งบนท้องถนน ตามโรงแรมและสถานีรถไฟใหญ่ๆ แท็กซี่ซึ่งมีไฟแดงบนหน้าต่างด้านหน้าแสดงว่าไม่มีคนและพร้อมที่จะรับผู้โดยสารอย่าจับประตูรถแท็กซี่ขณะขึ้นหรือลงจากรถ เพราะโชเฟอร์จะเป็นผู้เปิดปิดประตูเองด้วยคันบังคับข้างหน้า ฉะนั้นพอคุณโบกแท็กซี่และรถจอดเรียบร้อยแล้ว คุณเพียงแต่ยืนรอให้ประตูเปิดเอง เมื่อถึงที่หมาย และจ่ายเงินเสร็จสรรพ แล้วประตูก็จะเปิดออกเองอีกครั้ง เพียงแค่คุณก้าวลงมาแล้วเดินจากไปเท่านั้น หากพยายามจะเปิดหรือปิดประรถเองจะทำให้คนขับไม่พอใจ
ส่วนมากคนขับแท็กซี่พูดภาษาญี่ปุ่น หากคุณเขียนจุดหมายปลายทางเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เขา ก็จะช่วยได้มากทีเดียว
อย่าแปลกใจถ้ารถแท็กซี่ไม่หยุดจอดรับคุณในตอนดึก แสดงว่าแท็กซี่คันนั้นกำลังมองหาซารารีมัง และต้องการค่าโดยสารที่มากกว่านี้ระหว่างตีรถกลับไปบริเวณชานเมือง
การต่อเครื่องบินภายในประเทศ
ถ้าต้องการต่อเครื่องบินในประเทศต้องนั่งแท็กซี่,รถโดยสาร หรือรถไฟเข้าโตเกียว แล้วขึ้นเครื่องที่สนามบินฮาเนดะ ไม่มีเที่ยวบินในประเทศออกจากนาริตะ รถบัสลีมูซีนจะพาคุณจากนาริตะวิ่งตรงถึงฮาเนดะ หรือคุณอาจจะนั่งแท็กซี่,รถโดยสาร หรือรถไฟเข้าโตเกียว แล้วขึ้นเครื่องที่สนามบินฮาเนดะ ไม่มีเที่ยวบินในประเทศออกจากนาริตะวิ่งตรงถึงฮาเนดะ หรือคุณอาจจะนั่งแท็กซี่ซึ่งมีราคาแพงลิ่ว
บริการส่งสัมภาระ
ผู้อาศัยในญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมใช้บริการนี้ ซึ่งรวดเร็วและเชื่อถือได้ หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว ให้เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ ABC ในอาคารกลาง (มีหลายอาคาร) ส่วนใหญ่มันมีแนวเส้นบอกทางไปไม่ว่าคุณอยู่ ณ แห่งหนใด ABC จะนำสัมภาระถึงมือคุณในวันต่อมา ราคาราว 1,500 เยนต่อกระเป๋า หากมีเกิน 2-3 กระเป๋า แล้วควรพิจารณาการใช้บริการประเภทนี้
จากสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport)
ค่าแท็กซี่จากสนามบินฮาเนดะไปยังใจกลางเมืองอยู่ในราว 5,000 – 6,000 เยน โดยใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ถ้าต้องการความสะดวกสบายในการขนสัมภาระ ก็อาจนั่งรถไฟโมโนเรลไปยังสถานีฮะมะมัตสึโจ (Hamamatsucho Station) บนเส้นทางรถไฟสายเจอาร์ ยามาโนเตะ (JR Yamanote Line) ใช้เวลาเดินทางราว 17 นาที จากสนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai Int’l Airport)
สนามบินนานาชาติคันไซ (Kansai International Airport : KIX)
สร้างขึ้นใหม่เพื่อเป็นท่าอากาศยานปลายทางนานาชาติสำหรับภูมิภาคคันไซแทนสนามบินโอซาก้า (Osaka Airport : Itami) นอกจากนั้นยังเพื่อลดความแออัดที่สนามบินนาริตะ ซึ่งมีชั่วโมงให้บริการจำกัด ทว่ายังคงมีเที่ยวบินในประเทศบางเที่ยวออกจากอิตามิ (Itami) ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่เองที่การต่อเครื่องบินระหว่างประเทศกับเครื่องบินภายในประเทศย่อมไม่สะดวกสบาย KIX เป็นสนามบินที่ใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่นและเป็นแห่งแรกที่เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเปิดใช้เมื่อวันที่ 4 กันยายน 1994
สนามบินตั้งอยู่บนเกาะเทียมในอ่าวโอซาก้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากสถานีเจอาร์-โอซาก้า ราว 60 กิโลเมตร เป็นสนามบินที่แพงที่สุดแห่งหนี่งในโลก โดยเก็บภาษีขาออกถึง 2,600 เยน แต่มีสถาปัตยกรรมสวยงามน่ามอง ทั้งระบบดำเนินงานก็ยอดเยี่ยม การต่อขึ้นเครื่องภายในและนอกประเทศตั้งอยู่ในอาคารเดียวกัน และใช้เวลาไม่กี่นาที (ข้อควรทำ: อย่าลืมแจ้งยืนยันว่า การต่อเที่ยวบินในประเทศของคุณนั้นมาจาก KIX ไม่ใช่จากฮิตามิ) การเดินทางไป KIX ไม่ยาก มีรถไฟ 2 สาย, ทางด่วน 2 เส้นทาง, บัสลีมูซีนราว 10 สาย และเรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง 4 ลำ วิ่งจากเกาะไปยังจุดต่างๆ ในคันไซคุณสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางได้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวคันไซ (Kansai Tourist Information Center) อยู่ที่ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า (1st Fl.) เปิดทำการทุกวัน เวลา 9.00 – 21.00 น. มีธนาคารรับแลกเปลี่ยนเงินตราสิบแห่งที่ท่าอากาศยาน โดยหนึ่งหรือสองแห่งนั้นเปิดบริการเวลา 6.00 – 23.00 น. คุณสามารถเปลี่ยนตั๋วเจแปนเรลพาส (Japan Rail Pass) ได้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้ ได้แก่ เคาน์เตอร์ข้อมูลเขตตะวันตกของ JR (JR West infomation Counter) ซึ่งอยู่ที่ห้องผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ (International Arrivals Lobby,1st Fl.) ทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น.,ศูนย์บริการท่องเที่ยว Tis (Tis-Travel Service Center) ทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. หรือฝ่ายสำรองตั๋วมิโดริโนะมาโดงุจิ (Midori-no-madoguchi Reservations Ticket Office) ของสถานีรถไปท่าอากาศยานคันไซ JR (JR Kansai Airport Station) เปิดทุกวัน เวลา 5.30-24.00 น.